วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560

7 ผัก สมุนไพร มหัศจรรย์ รักษาได้หลากโรค

         อาหารที่ผู้บริโภคเห็นความสำคัญน้อยที่สุดอย่าง ผัก นั้น กลับกลายเป็นอาหารที่มีคุณค่ามากชนิดหนึ่ง เพราะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ เช่น เกลือแร่ วิตามิน อยู่เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญคือ สารบางอย่างที่มีคุณค่าต่อร่างกาย จะมีเฉพาะใน ผัก เท่านั้น เห็นที่ว่าจะไม่ลิ้มชิมรส ผัก ก็คงจะไม่ดีต่อสุขภาพนัก
           นอกจากใน ผัก จะมีคุณค่าต่อร่างกายแล้ว ผัก ยังช่วยรักษาโรคได้อย่างไม่น่าเชื่อ บางทียาที่หมอให้ ยังไม่อาจสู้ทานพืช ผัก เหล่านี้เลย เรามาดูกันว่ามี ผัก อะไรที่ช่วยรักษาโรคได้อย่างน่ามหัศจรรย์ บ้าง
1. ขี้เหล็ก
สำหรับคนสมัยใหม่ อาจจะไม่ชอบทานสักเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นคนสมัยก่อน รุ่นคุณพ่อคุณแม่เราขึ้นไปแล้ว บอกเลยว่าอาหารที่ทำด้วย ผัก ขี้เหล็กจัดเป็นอาหารรสเลิศถูกปากมากเลยทีเดียวและนอกจากใช้ประกอบอาหารแล้ว ใบขี้เหล็กสามารถรับประทานเป็นยาชั้นดี เพราะใบขี้เหล็กมีทั้งวิตามินเอ วิตามินซี เส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี 1 และไนอาซิน สรรพคุณทางยาของใบขี้เหล็กมีสารชนิดหนึ่งออกฤทธิ์ต่อประสาททำให้นอนหลับดี แก้ท้องผูกได้ดี และบำรุงร่างกายให้กระชุ่มกระชวยได้




2. หัวปลี
หัวปลี ที่เป็นส่วนดอกของต้นกล้วย ที่หลายคนไม่ชอบทาน หารู้ไม่ว่าใบหัวปลีนั้นมีธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือด แก้โลหิตจาง และยังคงลดน้ำตาลในเลือดได้ รวมถึงยังสามารถทานแก้โรคเกี่ยวกับลำไส้ได้เป็นอย่างดี


3. มะระขี้นก
มะระขี้นก เป็น ผัก พื้นบ้านของไทย ที่คนไทยนิยมนำยอดอ่อนและผลอ่อนมาปรุงเป็นอาหารโดยนำมาลวกเป็น ผัก จิ้ม แต่หลายคนก็ไม่ชอบทานนัก เพราะว่าขม มีผิวขรุขระ แต่ว่ามะระขี้นกนี้ เป็นยาชนะเบาหวานชั่นยอดเลยนะเพราะมะระขี้นกนี้ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด อันเป็นสาเหตุของเบาหวาน และสามารถชะลอการเกิดต้อกระจกซึ่งเป็นอาการแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้ รูปแบบวิธีทานที่ให้ผลลดน้ำตาลในเลือดก็ไม่ซับซ้อน คือสามารถใช้ได้ทั้งน้ำคั้น ชงเป็นชา หรือกินในรูปแบบของแคปซูล ผงแห้งก็ได้

4. ผัก ตำลึง
ตำลึงเป็น ผัก ที่นิยมนำยอดมาลวกหรือนึ่ง เป็น ผัก จิ้มน้ำพริก หรือนำยอดอ่อน ใบอ่อนมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายตำลึงจัดว่ามีสรรพคุณทางยาที่เยอะมาก อย่างผลอ่อนที่ก้านดอกเริ่มจะหลุดกินสดได้กรอบอร่อย ไม่ขม เป็นยาบำรุงสุขภาพ รักษาปากเป็นแผล ได้หลายคนใช้ตำลึงในการรักษาโรคผิวหนังพวกผื่นแพ้ ตำแย หมามุ่ย หนอนคัน บุ้ง หอยคัน มดคันไป ผื่นคันจากน้ำเสีย ผื่นคันจากละอองข้าว ผื่นคันชนิดที่ไม่รู้สาเหตุ เริม งูสวัด สุกใส หิด สิว ฝีหนอง เป็นต้นบางคนก็ทานตำลึง เพื่อระบายท้อง ลดการอึดอัดท้องหลังกินอาหารเนื่องจากมีสารช่วยย่อยแป้ง และช่วยแก้ร้อนใน เป็นต้นและที่สำคัญคือตำลึงเป็นยาพื้นบ้านใช้รักษาเบาหวาน ทั้งราก เถา ใบ ใช้ได้หมด มีสูตรตำรับหลากหลาย และในตำราอายุรเวทก็มีการใช้เป็นยารักษาเบาหวานมานานนับพันปี ชาวเบงกอลในอินเดียใช้ตำลึงเป็นยาประจำวันสำหรับแก้โรคเบาหวาน

5. แครอท
นับเป็นผักที่ให้เบต้าแคโรทีสูง ซึ่งสารที่พบในแครอทนี้จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย มีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อ ซึ่งจะออกฤทธิ์ในการรักษาไข้หวัด ไอ เจ็บคอ ปอดอักเสบ ลดการอักเสบและบวมได้ ถ้าใช้ทาผิวภายนอกช่วยลดอาการแสบร้อนของผิวเนื่องจากโดนแดดเผาไหม้ ลดฝ้าและรอยด่างดำลงได้นอกจากนี้การทานแครอทยังช่วยป้องกันลดมะเร็งปอด มะเร็งมดลูก กระเพาะอาหารและเต้านม ช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยในระยะพักฟื้น ลดความอ่อนเพลียเหนื่อยง่าย รักษาโรคลำไส้อักเสบ ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดขาว บรรเทาอาการข้ออักเสบ ช่วยล้างพิษในตับ บำรุงสายตา แก้ตาฝ้าฟาง ตาบอดกลางคืน ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยย่อยอาหาร ขับพยาธิไส้เดือน บำรุงผิว ชะลอความชราของผิวพรรณได้ดีด้วย
6. ถั่วฝักยาว
รู้หรือไม่ว่าผักที่มีวิตามีนซีสูงที่ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี ที่จะมีผลช่วยให้เลือดดี ผิวพรรณสวยถั่วฝักยาวมีกากใยอาหารจำนวนมาก ซึ่งกากใยชนิดนี้จะทำปฏิกิริยากับกรดในกระเพาะ ได้สารจำพวกเจลลาตินเคลือบที่กระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วอิ่มนาน สารชนิดนี้จะช่วยลดคอเลสเตอรอลได้เพราะว่าจะไปจับกับกรดน้ำดี เมื่อน้ำดีไม่พอใช้ในร่างกายก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งการใช้น้ำดีต้องใช้คอเลสเตอรอลเป็นวัตถุดิบ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลลงได้ ถ้านำถั่วฝักยาวไปต้มเอาน้ำดื่มจะช่วยรักษาบำรุงไต

7. กะหล่ำปลี

เป็นผักที่ได้รับการยกย่องว่าสามารถป้องกันรักษามะเร็งได้หลายชนิด มีวิตามินซีสูง มีสารอาหารกลูตามีนช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารสร้างเยื่อบุผนังกระเพาะได้รวดเร็ว ทำให้แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้หายได้เร็ว จึงใช้เป็นอาหารในการรักษาโรคกระเพาะและป้องกันมะเร็งลำไส้ได้ดีอีกทั้ง กะหล่ำปลียังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิ คุ้มกันในร่างกาย ช่วยล้างพิษในตับ ช่วยให้ระบบน้ำดีทำงานได้ปกติ ลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยใช้น้ำคั้นหรือกินสด (แต่ปริมาณในแต่ละวันไม่มาก) ใช้ใบสดประคบเต้านมแม่ลูกอ่อนช่วยลดความปวดจากการคัดเต้านมลงได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น